วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

"พระราชวังพญาไท พระราชวังแห่งกษัตริย์รัชกาลที่ 6"



พระราชวังพญาไท หรือ วังพญาไท ตั้งอยู่ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พระราชทานนามให้ว่า "พระตำหนักพญาไท หรือวังพญาไท" ต่อมาในรัชกาลที่ 6 ได้รับการสถาปนาเป็นพระราชวังพญาไท


 ภาพกำลังสักการะพระบรมรูปรัชกาลที่ 6

ณ พระราชวังแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงนิพนธ์วรรณกรรมชิ้นเอกหลายเรื่อง งานด้านการปกครองที่โดดเด่น คือ ดุสิตธานี เมืองจำลองในพื้นที่ 2 ไร่เศษ ด้านหลังพระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งพระองค์ทรงใช้ประโยชน์ 2 ประการ คือปฏิบัติการทดลองปกครองและสอนระบอบประชาธิปไตย

          หลังจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต พระราชวังแห่งนี้ไม่ได้ใช้เป็นพระราชฐานที่ประทับอีกต่อไป จึงได้มีการดัดแปลงเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง โฮเต็ลพญาไทเริ่มดำเนินกิจการเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2468 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ใช้ส่วนหนึ่งของพระราชวังเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุกระจายเสียง ถ่ายทอดกระแสพระราชดำรัสเป็นปฐมฤกษ์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473

          เมื่อสถานีแห่งนี้ย้ายออกไปรวมกับสถานีวิทยุกระจายเสียงศาลาแดง ทางราชการจึงได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้เป็นที่ตั้งกองเสนารักษ์จังหวัดทหารบกกรุงเทพฯ และในเดือนมกราคม พ.ศ.2489 ได้แปรสภาพกองเสนารักษ์เป็นโรงพยาบาล ต่อมากรมแพทย์ทหารบกได้อัญเชิญพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมาสถาปนาเป็นชื่อโรงพยาบาล ในนาม "โรงพยาบาล พระมงกุฎเกล้า"
บริเวณพระราชวังจะประกอบไปด้วยหมู่พระที่นั่ง 5 องค์ คือ พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งพิมานจักรี พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ และพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ (ชื่อคล้องจองกันเลย) ขอให้ดูแผนผังประกอบ

แผนผังพระราชวังพญาไท


ลักษณะที่เด่นของพระราชวังพญาไท ก็คือ หอคอยสูง หลังคายอดแหลม สถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตกยุคเฟื่องฟู เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม มีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพอากาศของเมืองไทย เห็นได้จากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และพระที่นั่งพิมานจักรีจะมีหน้าต่างเปิดกว้างหลายบาน ซึ่งรับลมได้ทุกด้าน


หอคอยสูง ของพระที่นั่งพิมานจักรี ที่ถือเป็นลักษณะเด่นของพระราชวังพญาไท ยอดโดมส่วนบนสุดไว้สำหรับชักธงมหาราชในเวลาที่องค์พระประมุขประทับอยู่ในพระราชฐาน


ด้านขวาคือพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน เมื่อเริ่มสร้างมีสองชั้น ต่อมามีการต่อเติมขึ้นอีกชั้นสำหรับใช้เป็นห้องพระบรรทมและห้องส่วนพระองค์

เมื่อเรามองจากทางด้านหน้าจะเห็นหมู่พระที่นั่ง 4 องค์เชื่อมต่อกันทั้งหมด จากด้านซ้ายสุดคือพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส มีทางเดินเชื่อมต่อในระดับชั้นที่สองของอาคารเข้าสู่พระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ประธาน ต่อด้วยพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และต่อไปยังพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ พระที่นั่งทั้ง 4 องค์เป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน มีความสูง 2 ชั้น นอกจากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานซึ่งได้ต่อเติมชั้นที่สามภายหลังเป็นห้องพระบรรทมและห้องส่วนพระองค์ ส่วนด้านหน้าของพระที่นั่งพิมานจักรี จะเป็นอาคารชั้นเดียวสำหรับเป็นที่เทียบรถพระที่นั่งและที่พักคอยขอเข้าเฝ้า

เมื่อเรามองจากทางด้านหน้าจะเห็นหมู่พระที่นั่ง 4 องค์เชื่อมต่อกันทั้งหมด จากด้านซ้ายสุดคือพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส มีทางเดินเชื่อมต่อในระดับชั้นที่สองของอาคารเข้าสู่พระที่นั่งพิมานจักรี ซึ่งเป็นพระที่นั่งองค์ประธาน ต่อด้วยพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน และต่อไปยังพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ พระที่นั่งทั้ง 4 องค์เป็นแบบก่ออิฐฉาบปูน มีความสูง 2 ชั้น นอกจากพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถานซึ่งได้ต่อเติมชั้นที่สามภายหลังเป็นห้องพระบรรทมและห้องส่วนพระองค์ ส่วนด้านหน้าของพระที่นั่งพิมานจักรี จะเป็นอาคารชั้นเดียวสำหรับเป็นที่เทียบรถพระที่นั่งและที่พักคอยขอเข้าเฝ้า
พระที่นั่งเทวราชสภารมย์ เป็นท้องพระโรงเดิมในรัชสมัยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ซึ่งเสด็จมาประทับที่วังพญาไทเมื่อปี พ.ศ.2453 ถือว่าเป็นพระที่นั่งองค์แรกที่สร้างก่อนพระที่นั่งองค์อื่น ๆ ทั้งหมดในหมู่พระที่นั่งของพระราชวังพญาไท เคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาในงานพระราชกุศล เช่น งานเฉลิมพระชนมพรรษา ใช้รับรองแขกส่วนพระองค์ที่มาเข้าเฝ้า บางครั้งเป็นโรงละคร หรือโรงภาพยนตร์แล้วแต่โอกาส


ภาพขณะกำลังชมภายในพระที่นั่งเทวราชสภารมย์


ภาพด้านข้างพระที่นั่งเทวราชสภารมย์


ภายในท้องพระโรงของพระที่นั่งเทวราชสภารมย์ จะเห็นโครงหลังคาโค้งที่ทำด้วยไม้ ส่วนบนเป็นเฉลียงที่มีเสารับกับพื้น ติดด้วยเท้าแขนจำหลักลายทั้ง 4 ด้าน

พระที่นั่งพิมานจักรี พระที่นั่งองค์ประธานของหมู่พระที่นั่ง เป็นอาคารก่ออิฐ ฉาบปูน สูง 2 ชั้น มีจิตรกรรมสีปูนเปียก (fresco secco) บนเพดานและบริเวณด้านบนของผนัง เขียนเป็นลายเชิ้งฝ้าเพดานรูปดอกไม้ สวยงาม บานประตูเป็นไม้สลักลายปิดทอง เหนือบานประตูจารึกอักษรพระปรมาภิไธย ร.ร.๖ ห้องที่น่าสนใจ คือ ท้องพระโรงกลาง ห้องพระบรรทมเดิม ห้องทรงพระอักษร ฯลฯ


ตัวอย่างภาพจิตรกรรมสีปูนเปียก (fresco secco)



ภาพถ่ายภายในพระที่นั่งพิมานจักรี จะเห็นว่าประตูจารึกอักษรพระปรมาภิไธย ร.ร.๖

พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน ห้องที่น่าสนใจเข้าชม คือ ห้องพระบรรทม และห้องพระสมุด ซึ่งบนเพดานมีภาพจิตรกรรมสีปูนเปียกเป็นรูปเทวดาน้อยสี่องค์ทรงดนตรีสี่ชนิด ดีด สี ตี เป่า ล่องลอยบนท้องฟ้า ในสมัยที่พระองค์ทรงประทับอยู่ ด้านหลังทรงทอดพระเนตรสวนโรมันและเมืองดุสิตธานี (เมืองจำลองประชาธิปไตย) ของพระองค์ได้ ระเบียงด้านหน้าทรงทอดพระเนตรในเขตพระนครได้ไกล  พระที่นั่งนี้เคยเป็นที่ตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง กรุงเทพฯ ที่พญาไท เมื่อปี พ.ศ.2473

รูปเทวดาน้อยสี่องค์ทรงดนตรีสี่ชนิด ดีด สี ตี เป่า ล่องลอยบนท้องฟ้า

พระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ เป็นพระตำหนักที่อยู่ทางทิศตะวันออกของพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน พระที่นั่งนี้มีลักษณะต่างไปจากพระที่นั่งองค์อื่น ๆ คือเป็นอาคารสูง 2 ชั้นที่เรียบง่าย หลังคาเป็นดาดฟ้า (ปัจจุบันสร้างหลังคาคลุม) ไม่มีการตกแต่งด้วยจิตรกรรมภาพเขียนสีปูนเปียกตามเพดานและผนัง แต่พื้นประดับด้วยกระเบื้องลวดลาย เน้นบริเวณประตูทางเข้าที่เป็นลวดลายดอกกุหลาบ และบันไดขนาดใหญ่ตรงกลาง ราวบันไดเป็นเหล็กหล่อทำลวดลายคล้ายกับลายแบบอาร์ต นูโว ห้องชั้นบนมีลักษณะการวางผังเหมือนกันทั้งซ้ายและขวา ชั้นล่างเป็นห้องโถงกว้าง พระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ประทับของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี และพระสุจริตสุดาพระสนมเอก มีสะพานเชื่อมในระดับชั้นที่ 2 ไปยังพระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน

          ขณะนี้ในส่วนพระที่นั่งนี้ ไม่เปิดแบบสาธารณะให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายในได้ทุกห้องทุกมุม เพราะปัจจุบันได้ใช้เป็นสำนักงานที่ทำการของส่วนบังคับบัญชาโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


ราวบันไดเป็นเหล็กหล่อทำลวดลายคล้ายกับลายแบบอาร์ต นูโว



ภาพบันไดวนในพระที่นั่งอุดมวนาภรณ์

 
พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส เดิมมีนามว่าพระที่นั่งลักษมีพิลาส ตามพระนามของพระนางเธอลักษมีลาวัณ พระชายาของรัชกาลที่ 6 อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพระที่นั่งพิมานจักรี เป็นพระที่นั่งสูง 2 ชั้น ก่ออิฐฉาบปูน มีโดมขนาดเล็ก ลักษณะอาคารเป็นแบบอิงลิช โกธิค มีทางเชื่อมต่อกับพระที่นั่งพิมานจักรีในระดับชั้น 2 ใช้เป็นที่รับรองแขกของเจ้านายฝ่ายใน ที่ฝาผนังตอนใกล้เพดาน และเพดานมีจิตรกรรมลักษณะแบบ อาร์ต นูโว เป็นลายดอกไม้ และที่ห้องสำคัญเป็นภาพชายหญิงและแกะ ซึ่งเป็นภาพเขียนสีแบบตะวันตก


จิตรกรรมลักษณะแบบ อาร์ต นูโว เป็นภาพชายหญิงและแกะ ซึ่งเป็นภาพเขียนสีแบบตะวันตก

พระตำหนักเมขลารูจี พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระตำหนักอุดมวนาภรณ์มาจากพระราชวังดุสิต มาตั้งริมคลองอ่างหยกในพระราชวังพญาไท เพื่อเป็นที่ประทับชั่วคราวระหว่างการก่อสร้างพระราชมณเฑียร เป็นเรือนไม้สัก 2 ชั้น หลังคามุงกระเบื้องดินเผา ภายในเป็นห้องโถงต่อเนื่องกัน มีสระสรง ใช้เป็นที่สรงน้ำหลังจากทรงพระเครื่องใหญ่ (ตัดผม) ต่อมา เมื่อการก่อสร้างพระราชมณเฑียรแล้วเสร็จ และมีพระราชประสงค์ให้พระที่นั่งด้านตะวันออกใช้นามว่า พระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนนามพระตำหนักแห่งนี้ใหม่เป็นพระตำหนักเมขลารูจี


พระตำหนักเมขลารูจี
สวนโรมัน ตกแต่งสวนเป็นลักษณะเรขาคณิต ประกอบด้วยศาลาที่ใช้รูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบโรมัน ศาลาทรงกลมตรงกลาง มีหลังคาโดมรับด้วยเสาแบบคอรินเธียน ขนาบด้วยศาลาทรงสี่เหลี่ยมโปร่งไม่มีหลังคา มีการประดับด้วยตุ๊กตาปูนปั้นแบบโรมันบริเวณบันไดทางขึ้น ซึ่งต่อเนื่องกับด้านหน้าที่มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่ในแนวแกนเดียวกับโดม มีทางเดินกว้างโดยรอบสระน้ำเชื่อมต่อกับศาลา ซึ่งศาลานี้ใช้เป็นเวทีการแสดงกลางแจ้งในบางโอกาส



สวนโรมัน


สิ่งที่สำคัญที่เหมาะแก่การเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ในพระราชวังพญาไทในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้แก่ ดุสิตธานี หรือเมืองประชาธิปไตยย่อส่วน ที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นเมืองจำลองขึ้นเพื่อทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งปัจจุบันไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว  แต่จะมีการแสดงนิทรรศการภายในพระที่พิมานจักรี และเป็นแหล่งเรียนรู้พระราชประวัติ พระราชกรณียกิจต่างๆ และการตั้งกองลูกเสือในไทยเป็นครั้งแรก รวมไปถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของรัชกาลที่ 6 ทั้งในเช่นการพระราชทานนามสกุลเป็นครั้งแรก การให้พระราชวังเป็นโรงพยาบาล เป็นต้น
แหล่งเรียนรู้ช่วยให้ความรู้ในด้านประวัติศาสตร์ในสมัยรัชการที่ 6 การจัดตั้งเมืองดุสิตธานี เพื่อปฏิบัติการทดลองปกครองและสอนระบอบประชาธิปไตย และได้เรียนรู้สถาปัตยกรรมจากตะวันตก และยังช่วยปลูกจิตสำนึกในเรื่องของการมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และเกิดความภูมิใจในความเป็นไทยอีกด้วย


ทิวทัศน์ดุสิตธานี อาคารใหญ่ทางมุมซ้ายบนคือ โฮเต็ลเมโตรโปลที่ทวยนาครเข้าไปได้จริงๆ

เวลาเปิด-ปิด : พระราชวังพญาไท เปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเสาร์ โดยมีวิทยากรนำชม 2 รอบ เวลา 9.30 น. และ 13.30 น. วันอื่นสามารถเดินชมบริเวณภายนอกได้
พิพิธภัณฑ์การแพทย์ทหารบกที่ชั้นล่างพระที่นั่งศรีสุทธนิวาส เปิดให้เข้าชมวันอังคาร-ศุกร์ เวลา 11.00-15.00 น. ปิดวันเสาร์-จันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์
โทร. 02-354-7987, 02-354-7732, 02-354-7660 ต่อ 93646, 93694 (จันทร์-ศุกร์) 93698 (เสาร์)
เว็บไซต์ : http://www.phyathaipalace.org
การเดินทาง : รถประจำทาง: สาย 8, 12, 14, 18, 28, 92, 97, 108 ปอ.92, 509, 522, 536 ปอ.พ.4 รถส่วนตัว : มีที่จอดภายในบริเวณ
ค่าใช้จ่าย : ไม่เสียค่าธรรมเนียม





วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

“เทคโนโลยีสารสนเทศกับสิ่งแวดล้อม”



การจัดการทรัพยากรธรรมชาติหลายอย่างจำเป็นต้องใช้สารสนเทศ เช่น การดูแลรักษาป่า จำเป็นต้องใช้ข้อมูล มีการใช้ภาพถ่ายดาวเทียม การติดตามข้อมูลสภาพอากาศ การพยากรณ์อากาศ การจำลองรูปแบบสภาวะสิ่งแวดล้อมเพื่อปรับปรุงแก้ไข การเก็บรวมรวมข้อมูลคุณภาพน้ำในแม่น้ำต่างๆ การตรวจวัดมลภาวะ ตลอดจนการใช้ระบบการตรวจวัดระยะไกลมาช่วย ที่เรียกว่า โทรมาตร เป็นต้น

สำหรับตัวอย่างการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดการกับสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ศูนย์ภูมิสารสนเทศเพื่อการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เล็งเห็นปัญหาของภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทราบกันอย่างดี เช่นการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินด้านเกษตรกรรมมีอัตราสูงขึ้นเป็นลำดับในช่วงสามทศวรรษที่ผ่านมา มีผลสืบเนื่องต่อระบบอุทกวิทยาของน้ำผิวดินและทรัพยากรของดิน ตลอดจนเร่งความเป็นเกลือของดิน ภัยพิบัติไม่ว่าจะเป็นความแห้งแล้ง น้ำท่วม มีผลกระทบต่อ วิถีชีวิตและเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมทั้งมีภาวะคุกคามต่อการผลิตอาหารของภูมิภาค
ตลอดจนการใช้ที่ดินผิดประเภทการนำที่ดินที่เหมาะสมกับการเกษตรใช้เพื่ออุตสาหกรรมและเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งอยู่อาศัยทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นเป็นปัญหาด้านสังคมและเศรษฐกิจ ทางศูนย์จึงมี วัตถุประสงค์ เพื่อที่จะ
1. หาแนวทางบูรณาการ ในการพัฒนาฐานความรู้ด้านทรัพยากร ภัยพิบัติ และการใช้ที่ดินด้วย Remote Sensing และ GIS
2. เพื่อสร้างสมรรถนะของเทคโนโลยีระดับสูงทางด้าน Remote Sensing และ GIS
3. เพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีในการสนับสนุนนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น และนักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนหน่วยงานในภูมิภาคในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ



เครื่องมือที่ทางศูนย์ใช้ คือ 
 ภาพถ่ายดาวเทียม
ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมหลายประเภทใช้ในโครงการ เพื่อได้มาซึ่งข้อมูลเชิงพื้นที่ของโลก ได้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม Landsat, SPOT Ikonos, Quick bird ในรูปแบบเชิงตัวเลขซึ่งให้บริการโดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) GISTDA



   เครื่องมือในการวิเคราะห์
การวิเคราะห์ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมเป็นเทคโนโลยีระดับสูง ต้องการซอฟร์แวร์ด้านระบบประมวลผลภาพ ด้านวิเคราะห์เชิงพื้นที่ ที่ต้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์ราคาสูง จากการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภายนอก ปัจจุบันศูนย์ฯ มีสมรรถนะในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นตลอดจนการสร้างโมเดลเชิงพื้นที่ ด้วยระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ที่ทันสมัยมีระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ของมหาวิทยาลัย และระบบทางด่วนเชิงตัวเลขเพื่อส่งข้อมูลจากสถานีรับภาพถ่ายดาวเทียมที่ได้สนับสนุนจาก GISTDA




จะเห็นได้ว่าปัจจุบันนี้ เราได้นำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากมาย ดังตัวอย่างที่ได้นำเสนอไปข้างต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า ทางศูนย์ภูมิสารสนเทศเพื่อการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก็ได้ทำการนำเอาประโยชน์จากเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้งานในการจัดการกับทรัพยากรธรรมชาติของภาคตะวันอออกเฉียงเหนือ เพื่อแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาป่าไม้ ดินไม่มีคุณภาพ ภัยพิบัติต่างๆ ปัญหาความแห้งแล้ง เป็นต้น เพื่อช่วยแก้ไขให้คนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และหวังว่าหลายๆ คนที่เข้ามาอ่านจะได้นำเอาความรู้เหล่านี้ไปใช้เพื่อพัฒนาพื้นที่ของตนเองและต่อยอดองค์ความรู้ต่อไป

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : http://gecnet.kku.ac.th/about/


วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เตือน !!! แพลงกิ้งนู้ด ผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์


จากกรณีท่า แพลงกิ้ง กลายเป็นประเด็นฮอตฮิตในสังคมออนไลน์ โดยมีบุคคลจากหลากหลายอาชีพเกาะกระแสดังกล่าว ด้วยการทำท่า แพลงกิ้ง และโพสต์ลงเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียอย่างเฟซบุ๊กนั้น
จากที่ น.ส.ลัดดา ตั้งสุภาชัย ผอ.สำนักเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม ออกมากล่าวว่า จากกรณีกระแสแพลงกิ้งกำลังฮิตในสังคมออนไลน์ของวัยรุ่นและกลุ่มคนทำงาน ขณะนี้มีเครือข่ายเฝ้าระวังทางวัฒนธรรมร้องเรียนให้ กระทรวงวัฒนธรรม เตือนสติวัยรุ่น เพราะพบว่า ขณะนี้มีการเล่นแพลงกิ้งรูปแบบที่ไม่เหมาะสมและส่อไปในทางลามก เพราะหลายคนทำแพลงกิ้งนู้ด และนำมาโพสต์ลงเว็บไซต์ต่างๆ
ทั้งนี้ ตรวจสอบเบื้องต้นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแก้ผ้าทำแพลงกิ้งตามที่ต่างๆ อาทิ ในตู้ปลา ในอ่างอาบน้ำ และสถานที่สาธารณะ ขณะเดียวกันมีภาพลักษณะเหมือนหญิงสาวชาวเอเชียเปลือยกายแพลงกิ้งบนเก้าอี้ในห้องนอน ถูกนำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ต่างๆ อย่างไรก็ตาม เตือนทุกคนอย่าถึงขั้นทำแพลงกิ้งนู้ด ถึงแม้จะไม่เห็นอวัยวะเพศก็ตาม แต่ไม่เหมาะสม ถ้าใครทำก็อย่านำภาพมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในเฟซบุ๊ก เนื่องจากจะมีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมจะประสานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้บล็อกภาพแพลงกิ้งที่ไม่เหมาะสม และหาตัวผู้นำภาพดังกล่าวมาโพสต์มาดำเนินคดีด้วย



จากกรณีดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำไม่เหมาะสมสำหรับวัฒนธรรมไทย ถือว่าเป็นการกระทำผิดทั้งกฎหมายและจริยธรรมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 เพราะนำเอาภาพที่เปลือยร่างกายแล้วทำท่าแพลงกิ้งออกมาเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดีย ถือว่าเป็นการนำภาพอนาจารออกมาเผยแพร่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการรับเอาวัฒนธรรมที่ไม่ถูกต้อง เกิดการเลียนแบบขึ้นกลายเป็นค่านิยมที่ผิด จึงอยากเตือนให้พ่อแม่ ผู้ปกครองช่วยเป็นหูเป็นตาไม่ให้เด็กของเราเลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าว หากนำมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ตจะมีความผิดทางกฎหมายได้
แต่ก็ยังมีเรื่องดีๆ กรณีที่มีกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวทำพับเพียบไทยแลนด์ออกมาปะทะกับแพลงกิ้ง  เด็กกลุ่มนี้ที่ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาส ในการสร้างเอกลักษณ์ความเป็นไทย นำมาเผยแพร่ในเฟซบุ๊ค เพื่อรณรงค์ให้เด็กเยาวชนไทยเห็นความสำคัญของความเป็นไทย ไม่อิงกระแสตะวันตกมากจนเกินไป ผมคิดว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตรายจากการทำท่าแพลงกิ้งแบบแปลกๆ แค่นั่งพับเพียบแบบฉบับของไทย เราก็สามารถรักษาวัฒนธรรมอันดีงามและเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้รู้จักวัฒนธรรมของเราได้มากขึ้น




ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ : http://news.mthai.com/general-news/119028.html 
                                     : http://news.tlcthai.com/news/8004.html